top of page

Violin Sonata No.21 in E minor, K. 304

by Wolfgang Amadeus Mozart

 

   Wolfgang Amadeus Mozart (1756-1791) เป็นนักประพันธ์ชาวออสเตรียที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ในช่วงแรก Mozart ได้เรียนดนตรีครั้งแรกจากบิดาของเขาทั้งคีย์บอร์ด และไวโอลิน ด้วยวัยเพียงแค่ 6 ขวบเขาสามารถแต่ง Minuet and trio for Keyboard และ 7 ขวบก็สามารถแต่ง Sonata และ Symphony

Mozart ได้มีโอกาสออกทัวร์คอนเสิร์ตและทำงานตั้งแต่วัยเยาว์เพื่อโชว์ความสามารถทางด้านดนตรีของเขา ในช่วงที่เขาออกเดินทางนั้นเขาได้พบกับ Johann Christian Bach และ Joseph Haydn (Father of String Quartet) ซึ่งทั้งสองคนนี้มีอิทธิพลต่อ Mozart เป็นอย่างมาก Mozart ได้เรียนรู้วิธีการแต่ง String Quartet จาก Haydn และได้แต่ง String Quartet 6 บทให้เพื่อแสดงเป็นการขอบคุณ แต่ในช่วงปลายของชีวิตของ Mozart นั้นไม่ได้ราบรื่นนัก เขาได้เสียชีวิตลงในปี 1791 ในระหว่างที่เขากำลังประพันธ์ Requiem in D minor, K.626 (เขียนไม่จบ)

    สำหรับบทเพลง Violin Sonata No.21 in E minor, K. 304 ถูกประพันธ์ขึ้นในปี 1778 ในปีนั้น Mozart ได้ทราบถึงข่าวที่ว่ามารดาของตนได้เสียชีวิตลง ในช่วงนั้นเองที่ Mozart ได้ประพันธ์ Piano Sonata in A minor K.310 และ Violin Sonata No.21 in E minor, K. 304 ซึ้งทั้งสองบทเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นในคีย์ไมเนอร์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเศร้าโศกของ Mozart เป็นอย่างมาก ในช่วงเปิดของเพลง เปียโนและไวโอลินได้เล่นโน้ตยูนิสัน(โน้ตเดียวกัน)ในหลายช่วงเสียงเป็นการแสดงถึงคีย์ของไมเนอร์ออกมาอย่างเข้มข้นและชัดเจน แม้แต่ในช่วงโมดูเลชั่นในท่อนแรกที่เหมือนจะเปลี่ยนเป็นอะไรที่สดใสขึ้นแต่ Mozart ก็ยังคงแต่งให้รู้สึกถึงความเศร้าที่มีอยู่ ในช่วงท้ายของเพลงหลังจากท่อนช้าที่เหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายและกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งในช่วงที่เปลี่ยนคีย์ แต่หลังจากเปลี่ยนคีย์กลับมาในคีย์เดิมแรกของเพลงสุดท้ายก็จบด้วยความเศร้าในที่สุด

Carmen Fantasy, Op. 25

by Pablo de Sarasate

 

    Pablo de Sarasate (1844-1908) เป็นนักไวโอลินและนักประพันธ์ชาวสเปนที่มีพรสวรรค์มาก Sarasate ได้เริ่มเรียนไวโอลินครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบจากบิดาของเขาที่เป็น หัวหน้าของวงดุริยางค์ทหาร  พรสววรค์ของเขาถูกเผยให้เห็นตั้งแต่การแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ A Coruña จนได้รับการสนับสนุนศึกษาต่อทางได้ดนตรี และเข้าศึกษาที่ Paris Conservatoire ในขณะที่อายุได้ 12 ปี Sarasate ชนะการแข่งขันไวโอลินในปี 1857 และได้ออกทัวร์คอนเสิร์ต จากฝีมือของเขาทำให้มีนักประพันธ์หลายคนอาทิเชน Camille Saint-Saëns, Max Bruch, Edouard Lalo, Joseph Joachim, Henryk Wieniawski และ Antonin Dvorak เขียนเพลงให้กับเขา ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาได้แก่ Zigeunerweisen (1878) และ Carmen Fantasy (1883) เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการเล่นทัวร์คอนเสิร์ตและได้เสียชีวิตลงในปี 1908 ที่ เมือง Biarritz ประเทศฝรั่งเศส ไวโอลินของเขาถูกเรียนในชื่อ Sarasate Stradivarius ซึ่งมาจากชื่อของเขาและช่างทำไวโอลินในเวลาต่อมา

    Carmen แต่แรกเดิมเป็นอุปรากรประพันธ์โดย Georges Bizet และถูกนำแสดงในปี 1875 ทีได้รับอิทธิพลจากแนวดนตรียิปซี ในการทำงานช่วงแรกของ Sarasate เขาได้มีโอกาสเล่นในอุปรากรเป็นจำนวนมากและหลังจาก Carmen ถูกนำมาเล่นสู่สาธารณะทำให้เขาได้รับอิทธิพลจากอุปรากรเรื่องนี้ หลังจากนั้นในปี 1883 เขาได้ประพันธ์ Carmen Fantasy Op. 25 ขึ้นโดยใช้ ้ธีมจากอุปรากร Carmen เล่นบนโซโล่ไวโอลินกับวงออเครสต้า บทประพันธ์นี้ได้รับความนิยมและชื่นชอบจากทั้งผู้เล่นเองและผู้ฟังด้วยเช่นกัน ในบทเพลงนี้ Sarasate ได้แบ่งออกเป็น 5 ท่อนสั้นๆที่ดึงเรื่องราวหลักๆมาจาก Carmen แต่ละท่อนจะมีเทคนิคหลากหลายมากที่จะสามารถทำได้บนไวโอลิน ทั้ง ดับเบิ้ลสต็อป(การเล่นสายคู่) การสี octave หรือแม้แต่ Sul G (เล่นโน้ตอยู่แค่บนสาย G สายเดียว) รวมกับด้วยความเร็วของบทเพลงนี้แล้วทำให้เทคนิคต่างๆที่ต้องเล่นมีความยากมากขึ้นเป็นอย่างมาก เพลงนี้จึงค่อนข้างที่จะเป็นเพลงสำหรับโชว์เทคนิคและความสามารถของผู้เล่นเป็นอย่างมาก

Violin Sonata

by Claude Debussy

 

    Claude Debussy (1862–1918) เป็นนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสและยังโดดเด่นในการสร้างผลงานแนว Impressionist Debussy ได้มีโอกาสเรียนเปียโนตอนอายุได้ 7 ขวบ และได้เข้าศึกษาที่ Paris Conservatory เมื่ออายุได้ 11 ขวบ เขาได้มีโอกาสทำงานที่เกี่ยวกับนักประพันธ์ชาวรัสเซียอาทิเช่น Peter Ilyich Tchaikovsky, Borodin และ Mussorgsky ในปี 1884 Debussy ได้ชนะการแข่งขันแต่งเพลงในรายการ Prix de Rome ทำให้ได้ไปศึกษาด้านประพันธ์เพลงที่ Rome ที่นั่นเองที่เขาได้ศึกษาการประพันธ์จาก Richard Wagner ซึ่งมีอิทธิพลต่อเขาเป็นอย่างมาก ในปี 1887 เป็นปีที่สำคัญของ Debussy มากเพราะเขาได้เข้าร่วมงาน Paris World Exposition นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงของกาเมลัน (Javanese Gamelan) ซึ่งมีผลกับการประพันธ์เพลงของเขาในช่วงหลังเป็นอย่างมาก ผลงานที่โดดเดนของเขาได้ถูกประพันธ์ขึ้นหลังจากนั้นอาทิเช่น “Prélude à l'après-midi d'un faune” (Prelude to the Afternoon of a Faun),  Debussy's Suite bergamasque และ Clair de Lune ช่วงท้ายชีวิตของ Debussy นั้นเขาได้ใช้ชิวิตของเขาเป็นนักวิจารณ์และแต่งเพลงของตัวเองและเล่นเอง และเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในที่สุดเมื่อเขาอายุได้ 55 ปี ผลงานของเขานั้นถือว่ามีความแปลกและใหม่มากสำหรับในช่วงเวลานั้นและเป็นแรงบันดาลใจของ composer รุ่นถัดๆมา

    Violin Sonata ถูกแต่งขึ้นในปี 1915 ซึ่งเป็นช่วงบั้นปลายชีวิตของ Debussy ความตั้งใจตอนแรกของเขานั้นได้ตัดสินใจว่าจะแต่ง Sonata ขึ้นมา 6 บทสำหรับเครื่องดนตรีหลายชนิด บทเพลงนี้ถือเป็นบทเพลงอันดับที่ 3 ใน Sonata ทั้ง 6 บทของเขา Debussy แต่งเพลงนี้ขึ้นในบริบทของความวุ่นวายของสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงนั้นเองเขาเริ่มมีความรู้สึกที่ไม่ชอบเยอรมันจากสงครามครั้งนี้ทำให้ผลงานของเขาพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคและการประพันธ์แบบไสตล์เยอรมันหรือแม้แต่ดนตรีจาก Richard Wagner ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา ผลงานในบั้นปลายชีวิตของเขาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวัฒนธรรมจากทาง สเปนและเอเชีย ซึ่งในผลงาน Violin Sonata นี้เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็น ฝรั่งเศส, สเปน และยิปซี แนวสไตล์ยิปซีที่ Debussy ได้หยิบมาใช้นั้นได้อิทธิพลมากจาก Arthur Hartmann ผู้ซึ่งเป็นนักไวโอลินชาวอเมริกัน หลังจากประพันธ์ Violin Sonata นี้เสร็จ Debussy ก็ได้เสียชีวิตลงทำให้เขาไม่สามารถเขียน Sonata ทั้ง 6 บท ที่เค้าตั้งใจแต่แรกไว้ได้

Violin Sonata no. 1 in G minor for Violin Solo, BWV 1001 Adagio & Preto

by Johann Sebastian Bach

 

    Johann Sebastian Bach (1685-1750) เป็นนักประพันธ์และนักเล่นคีย์บอร์ดชาวเยอรมัน เขาได้เริ่มศึกษาไวโอลินจากพ่อของเขาตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่บิดาของเขาเสียชีวิตลง Bach ได้ถูกรับเลี้ยงดูอยู่ในโบสถ์ เค้าได้เรียนรู้การเล่นคีย์บอร์ดจากที่นั่น และได้ศึกษาการเล่นฮาร์ปซิคอร์ดในเวลาต่อมา Bach เป็นทำงานเป็นทั้งนักเล่นออร์แกนและเป็นคุณครูที่สอนภายในโบสถ์ บทเพลงที่ Bach ประพันธ์และมีชื่อเสียงเช่น Toccata and Fugue in D minor,BWV 565, Brandenburg Concertos, 6 Violin Sonatas and Partitas, BWV 1001-1006 และเขายังได้แต่งเพลงประเภท arias และ recitatives อีกด้วย ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เขาได้แต่ง The Art of Fugue แต่ยังแต่งได้ไม่ทันจบเขาก็ได้เสียชีวิตลงในปี 1750 ในช่วงนั้นผลงานชิ้นนี้ยังไม่ค่อยถูกเป็นที่ยอมรับมากนัก และในช่วงศตวรรษที่ 19 ผลงานของ Bach นั้นเป็นที่น่าสนใจมากจากการที่มีคนนำมาเล่นหรือตีความบทเพลงของ Bach อีกครั้ง

    Violin Sonata no. 1 in G minor for Violin Solo, BWV 1001 นี้เป็นหนึ่งในผลงานชุด  6 Violin Sonatas and Partitas, BWV 1001-1006 ของ Bach ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นในปี 1720 ที่ Cöthen และได้ถูกทำแสดงที่ Dresden  ผลงานของเขานั้นได้รับอิทธิพลมาจาก Johann Georg Pisendel ผลงานชิ้นนี้ของ Bach เป็นการนำเสนอการเล่น ดับเบิ้ลสต็อป (เล่นสายคู่)และเทคนิคบนไวโอลินที่เป็นเครื่อง single line และการเล่น chord และ melody ไปพร้อมกันในเวลาเดียวกันเพื่อทำให้มีความรู้สึกคล้ายกับ polyphony มากขึ้น

Fratres

by Arvo Pärt

    Arvo Pärt (1935-) นักประพันธ์ชาว Estonia ในระหว่างที่เค้าเรียนอยู่นั้น เขาได้ทำงาน Sound Engineer อยู่ที่ Estonian Radio และยังประพันธ์ดนตรีประเภท Film score ในช่วงเวลานั้นเขาได้รับรางวัล All-Union Young Composers' Competition for a children's cantata อีกด้วย Pärt สนใจงาน 12 tone จึงได้ประพันธ์เพลง Nekrolog (1960) เป็นเพลงแรกและ Symphony No. 1, Symphony No. 2 and Perpetuum Mobile ตามมา

ในช่วงปี 1968  Pärt ในช่วงเวลานั้น เขาหมดไฟในการประพันธ์เพลง “ในตอนนั้นไม่รู้เลยว่าจะแต่งเพลงอะไรในอนาคตในช่วงที่ศึกษาอยู่นั้นไม่ได้หยุดหย่อนเลยเป็นเสียแต่ความขัดแย้งในใจอันทรมาณ ผมได้สูยเสียเข็มทิศชีวิต ไม่รู้แม้กระทั่งขั้นคู่ หรือกุญแจเสียงคืออะไร”

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้เขาได้พยายามผลักดันตัวเองจึงหันไปศึกษา early music อย่างจริงจังและใช้เวลาหลายปีในการศึกษา Gregorian chant และ Renaissance polyphony และได้เขียนเพลง Symphony No.3 (1971) ในเวลาต่อมา

    ในปี 1976 เป็นปีที่สำคัญมากสำหรับ Pärt เขาได้คิดค้นเทคนิคในการแต่งเพลงของเขาเรียกว่า tintinnabuli “ผมได้ค้นพบว่าแค่มีโน้ตเสียงเดียวเล่นอยู่มันก็เพียงพอแล้ว โน้ตหนึ่งเสียง ช่วงเวลาของความเงียบ มันทำให้ผมสบายใจ ด้วยเสียงหนึ่งเสียงและอีกสองเสียงมาประกอบกันเป็นคอร์ด สามเสียงนั้นมันเหมือนกับเสียงของระฆังนั่นแหละที่ผมเรียนเทคนิคนี้ว่า tintinnabulation”

เขาได้ใช้เทคนี้ในการประพันธ์เพลงอาทิ เช่น Für Alina(1976), Cantus in Memory of Benjamin Britten (1977), Fratres (1977), Tabula rasa (1977) and Spiegel im Spiegel (1978)

Frastres เป็นภาษา Latin มีความหมายว่า Brothers

ถูกแต่งขึ้นในปี 1977 เป็นช่วงที่ผลงานของเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการใช้เทคนิค tintinnabuli ในบทเพลงนี้ที่เล่นบนไวโอลินและเปียโน จะเปิดด้วยการเล่นคอร์ดบนไวโอลินเพื่อให้ได้ยินเสียงเหมือนกับระฆังและในภายหลังเปียโนจะเข้ามาอย่างเรียบง่ายเป็นเมโลดี้ค่อยๆเดินสลับให้เห็นถึงความต่างกันระหว่างพาร์ทไวโอลินและเปียโนที่ยังไปในทิศทางเดียวกัน

bottom of page